ภาษีป้าย คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายชื่อ ยี่ห้อ หรือ ในรูปแบบของเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้า หรือเพื่อใช้ในการประกอบกิจการเพื่อหารายได้ หรือ โลโก้บนวัตถุต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยอักษร ภาพ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของป้ายทั่วไป ป้ายบนทางด่วน ป้ายผ้าใบ รวมทั้งป้ายไฟที่ใช้ในการหารายได้หรือการโฆษณา
ดังนั้น ป้ายชื่อ ของผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรูปภาพโลโก้ตัวอักษร ภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นป้ายทั่วไป ป้ายผ้าใบ ป้ายบิลบอร์ด หรือป้ายไฟโฆษณา ล้วนต้องเสียภาษีป้ายทั้งสิ้น
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายต้องชำระภาษีป้าย ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 31 มี.ค. 67 โดยแต่ละประเภท มีรายละเอียดดังนี้
ประเภทที่ 1: ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน
ก ป้ายที่มีข้อความเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนเป็นข้อความอื่นได้ อัตรา 10 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ข ป้ายนอกจาก (ก) ให้คิดอัตรา 5 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ประเภทที่ 2: ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และหรือปนกับภาพและหรือเครื่องหมายอื่น
ก ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย ภาพที่เคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความเครื่องหมายหรือภาพอื่นได้ อัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ข ป้ายนอกจาก (ก) อัตรา 26 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ประเภทที่ 3: ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือเครื่องหมายใด ๆ และป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ก ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพเคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ อัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ข ป้ายนอกจาก (ก) อัตรา 50 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
เจ้าของป้ายที่มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ในกรณีที่ติดตั้งหรือแสดงป้ายภายหลังเดือนมีนาคมหรือติดตั้งป้ายใหม่แทนป้ายเดิม หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขป้ายอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีป้ายเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของป้ายยื่นแบบแสดงรายการภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ติดตั้งป้ายหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขป้าย
สำหรับผู้ยื่นเสียภาษีป้ายรายใหม่ เมื่อผู้ประกอบการทำการจัดทำป้ายร้านค้าที่ต้องเสียภาษีป้ายร้านค้าแล้ว ก่อนการติดตั้งจะต้องแจ้ง เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต เทศบาลหรือหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่นที่จัดเก็บภาษีป้าย ซึ่งระยะเวลาในการยื่นประเมินเพื่อเสียภาษีป้ายไม่เกินวันที่ 31 มีนาคมของปี ถ้ามีการติดตั้ง แก้ไข หรือเพิ่มป้าย หลังจากวันที่ 31 มีนาคม ของปีนั้น ให้ยื่นแบบประเมินเพื่อเสียภาษีป้ายภายใน 15 วัน หลังจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงป้าย
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องรู้ ขั้นตอนการชำระภาษีป้าย มีขั้นตอนดังนี้
1. ขอคำอนุญาตโดยแจ้งขนาด พร้อมภาพถ่าย หรือภาพสเก็ตช์ของป้าย และแผนผังที่ตั้งของป้าย
2. ยื่นแบบพร้อมชำระป้าย (ภ.ป.1)
3. ชำระภาษีได้ที่สำนักงานเขต หรือผ่านธนาคารกรุงไทย
4. หากภาษีที่ต้องชำระมากกว่า 3,000 บาทขึ้นไป สามารถผ่อนชำระได้ 3 งวด
5. เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้ว ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียภาษีขั้นต่ำ 200 บาท