อัปเดต ภาษีป้าย ปีล่าสุด! สรุปข้อกฎหมายและทุกเรื่องที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้
สำหรับเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ผู้ที่ครอบครองอาคาร การทำความเข้าใจเรื่อง ภาษีป้าย ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องยื่นชำระทุกปี บทความนี้จะสรุปทุกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาษีป้ายฉบับอัปเดตล่าสุด ทั้งข้อกฎหมาย อัตราค่าบริการ ไปจนถึงขั้นตอนการยื่นชำระ เพื่อให้คุณเตรียมตัวได้อย่างถูกต้องและไม่พลาดกำหนดการสำคัญ
สารบัญเนื้อหา
1. ภาษีป้าย คืออะไร? ใครมีหน้าที่ต้องเสีย?
ภาษีป้าย คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายการค้าที่ใช้ในการประกอบการค้าหรือหารายได้ ไม่ว่าจะแสดงไว้ที่วัตถุใด ๆ ด้วยตัวอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายที่ทำให้มองเห็นและเข้าใจความหมายได้
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ได้แก่:
- เจ้าของป้าย
- ในกรณีที่ไม่มีผู้ยื่นแบบแสดงรายการสำหรับป้ายใด หรือหาตัวเจ้าของป้ายไม่พบ ให้ถือว่า ผู้ครอบครองอาคารหรือที่ดิน ที่ป้ายนั้นติดตั้งอยู่ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย
การเข้าใจหลักการนี้เป็นพื้นฐานสำคัญก่อนจะไปถึงเรื่องการคำนวณและการยื่นชำระภาษีป้ายในขั้นตอนต่อไป สำหรับใครที่กำลังออกแบบป้ายใหม่ สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทคนิคการออกแบบป้ายให้สวยงามและถูกกฎหมาย เพื่อเป็นแนวทางได้
2. สรุปอัตราการคำนวณภาษีป้ายล่าสุด
อัตราภาษีป้ายจะถูกคำนวณจากประเภทและขนาดของป้าย โดยแบ่งตามลักษณะของข้อความและรูปภาพบนป้ายเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
ประเภทที่ 1: ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน
คิดอัตรา 10 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ประเภทที่ 2: ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และ/หรือ รูปภาพ
คิดอัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ประเภทที่ 3: ป้ายที่ไม่มีอักษรไทย หรือมีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้/ต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
คิดอัตรา 104 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ข้อควรรู้เพิ่มเติม:
- การคำนวณพื้นที่ป้าย เศษของ 500 ตร.ซม. จะถูกปัดขึ้นเป็น 500 ตร.ซม.
- เมื่อคำนวณภาษีออกมาแล้ว หากมีจำนวนเงินต่ำกว่า 200 บาท ให้เสียภาษีในอัตราขั้นต่ำคือ 200 บาท
3. กำหนดการและขั้นตอนการยื่นชำระภาษีป้าย
เพื่อให้ไม่พลาดและไม่ต้องเสียค่าปรับ การจดจำกำหนดการและขั้นตอนเป็นเรื่องสำคัญมาก
- ยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ป.1): เจ้าของป้ายต้องยื่นแบบ ภ.ป.1 พร้อมเอกสารประกอบ ณ สำนักงานเขต, เทศบาล หรือ อบต. ที่ป้ายนั้นติดตั้งอยู่ ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี
- ชำระภาษี: หลังจากยื่นแบบฯ เจ้าหน้าที่จะทำการประเมินและแจ้งยอดภาษีที่ต้องชำระ ผู้เสียภาษีต้องชำระเงินภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการประเมิน
- การติดตั้งป้ายใหม่: หากมีการติดตั้งป้ายใหม่ระหว่างปี ต้องยื่นแบบ ภ.ป.1 ภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ติดตั้งหรือแสดงป้าย
4. ป้ายประเภทไหนที่ได้รับการยกเว้นภาษี?
กฎหมายได้กำหนดข้อยกเว้นสำหรับป้ายบางประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีป้าย ตัวอย่างที่พบบ่อยได้แก่:
- ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพและบริเวณของโรงมหรสพนั้น เพื่อโฆษณามหรสพ
- ป้ายของหน่วยงานราชการ องค์กรของรัฐ หรือหน่วยงานที่จัดตั้งตามกฎหมาย
- ป้ายของวัด สมาคม หรือมูลนิธิ
- ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
- ป้ายที่แสดงไว้ที่สินค้าหรือบนบรรจุภัณฑ์ของสินค้า
- ป้ายของเกษตรกรที่ขายผลผลิตทางการเกษตรของตนเอง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. หากยื่นชำระภาษีป้ายล่าช้า จะมีผลอย่างไร?
กรณีที่ยื่นแบบ (ภ.ป.1) ล่าช้าเกินกำหนด 31 มีนาคม จะต้องเสียเงินเพิ่ม 10% ของค่าภาษี และหากไม่ชำระภาษีภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งการประเมิน จะต้องเสียเงินเพิ่มอีก 2% ต่อเดือนของค่าภาษีที่ค้างชำระ
2. ติดตั้งป้ายใหม่กลางปี ต้องจ่ายภาษีเต็มปีหรือไม่?
ไม่ต้องครับ การคำนวณภาษีสำหรับป้ายที่ติดตั้งใหม่ระหว่างปี จะคิดเป็นรายไตรมาส โดยเริ่มนับจากไตรมาสที่ติดตั้งไปจนถึงสิ้นปี เช่น ติดตั้งป้ายในเดือนพฤษภาคม (ไตรมาส 2) ก็จะเสียภาษี 3 ไตรมาส (คือไตรมาส 2, 3, และ 4)
3. สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อกฎหมายภาษีป้ายเพิ่มเติมได้ที่ไหน?
คุณสามารถศึกษาข้อมูลและข้อบังคับโดยละเอียดได้จาก พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้กำกับดูแล หรือติดต่อสอบถามโดยตรงกับหน่วยงานท้องถิ่นที่ท่านสังกัด